To All the Boys: P.S. I Still Love You (2020) สามารถดูได้ใน Netflix
• แฟนหนังภาคก่อนมาดูคงไม่ผิดหวังนะ ยังคงเป็นโรแมนติกใส ๆ วัยรุ่นชอบเหมือนเดิม ถ้าลืมเนื้อเรื่องก็มี recap ให้ หรือนั่งดูไปสักพักจะมีฉากน้องสาวนางเอกสรุปเรื่องย่อทั้งหมดให้ฟังด้วย
• ถ้าภาคแรกคือ Sixteen Candles เวอร์ชั่นดีกว่า ภาคนี้ก็คงเป็น Bridget Jones's Diary ฉบับม.ปลาย เมื่อนางเอกต้องเลือกระหว่างแฟนหนุ่มแสนดีกับคนดี๊ดีที่เคยแอบปลื้ม
• ยังคงเป็นหนังที่รสนิยมเพลงดีมาก เราได้เพลงโปรดของปีจากทั้งสองภาคเลย คราวนี้ชอบเพลง Moral of the Story ของ Ashe มาก จังหวะเพลงดังขึ้นในหนังโคตรเข้ากับฟีลของตัวละคร
• ชอบการวางคาแรคเตอร์นางเอกนะ จากเดิมกลัวการผูกมัดเลยไม่ปล่อยใครเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่คราวนี้กลายเป็นคนขี้กังวลและคิดมากเพราะต้องคบกับหนุ่มสุดฮอตของโรงเรียน
• ผู้กำกับมาจากสายกำกับภาพ ซึ่งรอบนี้เขายังคงกำกับภาพเองอยู่ ชอบงานภาพในหนังที่วางตำแหน่งดี คุมโทนฉากดี งานโปรดักชั่นก็ดูทำมารับกับภาพ ชอบที่ทั้งหมดดูถ่อมตัวไม่โอ้อวดว่างานภาพฉันเจ๋ง โปรดักชั่นฉันเจ๋ง ทั้งที่จริงมันดีเลย
-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-\-
'ลาร่า จีน' (Lana Condor) เปิดตัวเป็นแฟนกับ 'ปีเตอร์' (Noah Centineo) เรียบร้อย แต่แล้ว 'จอห์น แอมโบรส' (Jordan Fisher) หนุ่มในจดหมายที่ส่งไปตอนภาคแรกดันส่งจดหมายกลับมาแสดงความดีใจที่รู้ว่าเธอชอบเขาตอนป.6 เท่านั้นยังไม่พอ ทั้งสองคนดันบังเอิญเลือกกิจกรรมดูแลบ้านพักคนชราเหมือนกันอีก ท่ามกลางปัญหาว่าเธอจะเป็นแฟนสาวที่ดีสำหรับปีเตอร์หรือเปล่า ดูเหมือนว่าจอห์น แอมโบรสจะเป็นหนุ่มที่เธอสบายใจกว่าเวลาอยู่ด้วยกัน
.
ลาร่า จีน ยังคงหนีไม่พ้นความกลัวในใจตัวเอง เพียงแต่คราวนี้เธอวาดฝันสวยหรูเรียกร้องหาความรักที่จะไม่มีเรื่องเจ็บปวด พอบวกด้วยการชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับ 'เจน' อดีตเพื่อนสนิทที่เป็นแฟนเก่าของปีเตอร์ เลยยิ่งสร้างความกังวลขึ้นมาหลายเรื่อง หนังมันมีฉากตลก ๆ แบบพอรู้ว่าวันวาเลนไทน์แฟนหนุ่มเคยทำอะไรให้แฟนเก่า เธอก็แอบลุ้นว่าเขาจะทำให้เหมือนกัน พอเขาไม่ทำให้ก็แอบโวยวายเล็ก ๆ ทั้งที่ก็ไม่อยากได้ ยากแท้หยั่งถึงจัง แล้วความขัดแย้งอีกอย่างที่ตลกคือปีเตอร์พูดถูกว่าเธอปั่นหัวผู้ชายเก่งมากสำหรับการมีแฟนคนแรก โดยไม่ตั้งใจของเธอมันทำให้จอห์น แอมโบรส เข้าใจผิดคิดว่าเธอยังโสดและมีใจ ส่วนปีเตอร์ก็แอบหึงเพราะเธอปกปิดความจริงหลายอย่าง เช่นไม่บอกว่าเป็นอาสาสมัครที่เดียวกับจอห์น กลายเป็นว่าประเด็นหลักของหนังคือการแก้ความคิดในใจนางเอกเนี่ยแหละ
.
แต่กระนั้นหนังมันก็ค่อย ๆ ให้ตัวละครแก้ปัญหาของตัวเองไป พร้อมใส่ฉากโรแมนติกเข้ามาตลอดทาง มันยังดูเป็นหนังที่เดินตามขนบโรแมนติกวัยรุ่นแบบพยายามดัดแปลงอะไรเล็กน้อย ยังคงเดินเรื่องแบบสวีทหวานสองรัก ใส่ความขัดแย้ง แล้วหาทางคลี่คลายสวย ๆ โดยไม่ทิ้งเอกลักษณ์หลักของพวกฉากปาร์ตี้เบา ๆ สบาย ๆ, มีงานเต้นรำที่เปลี่ยนจากงานพรอม, แล้วยังพูดถึงการจูบเหมือนเดิม เป็นหนังที่น่ารัก ดูแล้วมีความสุข ภาคต่อมาอีกก็รอดูวันแรกแน่นอน
ป.ล. อยากบวกคะแนนพิเศษที่ทำให้รู้จัก Ashe จัง ไปฟังหลายเพลงเจ๋ง ๆ ทั้งนั้นเลย ที่แน่ ๆ Moral of the Story ยกระดับฉากเจ็บปวดในหนังขึ้นมากลายเป็น mv ที่ชวนเศร้ามาก
Director: Michael Fimognari (ผู้กำกับภาพ To All the Boys I've Loved Before, The Haunting of Hill House)
novel: Jenny Han
screenplay: Sofia Alvarez, J. Mills Goodloe
Genre: romance, drama
7/10
Search